Bet Of DisNight รักร้ายอันตรายของเจ้าชายราตรี
ฉันเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่ถูกคุกคามโดยผู้ชายหล่อแต่อันตราย ที่ชอบขู่ฆ่า ตะคอก ส่งสายตาอำมหิตมาฆ่าฉันทางอ้อม แถมยังถูกสั่งให้เซ็นใบทะเบียนบ้าบออะไรก็ไม่รู้ -^- บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ว่านายกับพ่อของนายกำลังเล่นเกมส์ท้าพนันบ้าบออะไรกันอยู่ ห้
ผู้เข้าชมรวม
273
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ความมืด…สิ่งทีผู้คนต่างหวาดกลัว…
อาจเพราะ สิ่งที่เรียกว่าความมืดนั้นเต็มไปด้วย ความลึกลับ อันตราย
แต่หากคุณกล้าที่จะพิสูจน์มัน ท้ายที่สุดแล้ว…คุณอาจจะได้พบกับแสงสว่างที่ซ่อนอยู่
หรือถ้าไม่…คุณอาจจะถูกมันกลืนกินและพบกับจุดจบที่ ‘ว่างเปล่า’
คุณล่ะ กล้าที่จะจ่มดิ่งลงสู่ความมืดไหม…?
‘ดิสไนท์’ ผู้ชายที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็อันตรายและไม่ควรเข้าใกล้ในรัศมี 30 เมตร…
ผู้ที่มีแววตาเหมือนกระสุนปืนที่ แค่จ้องมองชีพจรของคุณก็อาจจะหยุดเต้นได้ ผู้ที่มีรอยยิ้มเยือกเย็นเหมือนปีศาจ เปลวผมสีดำประกายน้ำเงิน และใบหน้าหล่อเหลาแสนอันตราย(ต่อหัวใจ)
เป็นที่เลื่องลือด้านการแหกกฎ อบายมุข และความเลวร้ายทั้งปวง
ฉายาของเค้าคือ…
‘เจ้าชายราตรี’ ผู้ที่มีหัวใจเปรียบดังรัตติกาลอันมืดมน
“ยัยนิ่ม แกจะไปจริงๆเหรอ? T^T” ยัยลินินขี้แยกอดแขนซ้ายฉันเอาไว้แน่น สีหน้าซีดเผือด ตัวสั่นพั่บๆ
“ถ้าเกิดแกตายขึ้นมา ฉันจะบอกพ่อแกว่ายังไง!~กลับกันเถอะ พลีสส~ เราไม่ต้องทำตามที่พวกรุ่นพี่บอกก็ได้นี่นา >o<” แขนขวาของฉันถูกกระชากไปด้านขวา โดยยัยไอวี่แรงควายผู้หวาดกลัวเรื่องผีที่สุดในโลกา
“พวกแกป๊อดนักก็กลับไปเลยไป! ฉันไปคนเดียวก็ได้! ผีบ้าผีบอนั่นมันมีจริงที่ไหนกันล่ะ!!” ฉันพูดลบลู่แบบอวดเบ่งและสะบัดแขนเพื่อปัดรังควาญยัยสองตัวเพื่อนรักออกไป ก่อนที่แขนฉันจะถูกพวกมันดึงจนขาดออกจากลำตัว -*-
“ชู่! แกอย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวลุงยามก็ตื่นหรอก >^<”
“โอ้ย~~ ยัยลินินซื่อบื้อ! แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าในกาแฟที่เราเอาไปล่อลุงยามน่ะ ใส่ยาสลบไปกี่ซอง…ป่านนี้ลุงแกได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์บนสรวงสวรรค์ไม่กลับมา แล้วล่ะย่ะ ^O^” ฉันพูดอย่างภาคภูมิใจ ก็ฉันนี่แหละที่เป็นคนวางแผนทั้งหมดเอง โดยเฉพาะขั้นตอนในการใส่ยาสลบน่ะฉัน ก็เป็นคนทำเองกับมือ จำได้ว่าใส่ไปไม่ต่ำกว่า 5 ซอง ปล.มันเป็นยาสลบที่แค่ครึ่งซองก็ทำให้ช้างล้มไป 3 วันได้สบายๆเลย(แล้วแกใส่ไป 5 ซอง!!!)
“เอางี้ ถ้าเธอ 2 คนไม่ไปก็ตามใจ! ฉันไม่อยากแพ้พนันยัยพี่เมย์อะไรนั่น ยังไงฉันก็จะไป!” ฉันสูดหายใจเข้าปอดแล้วก้าวเท้าขึ้นบรรไดไปสู่ดาดฟ้าอาถรรพ์ของโรงเรียน
“ไปดีนะเพื่อนร๊ากกก~~ (TOT)/” ยัยสองคนนั้นไม่คิดที่จะรั้งฉันอีกต่อไป แล้วประสานใจกันโบกมืออำลาฉัน
เอาเถอะ ยัยพวกนั้นคงหมดปัญญาห้ามแล้วล่ะ ก็ฉันเป็นพวกหัวแข็งยิ่งกว่าหินเหล็กไหล ลองตั้งใจจะทำอะไรแล้วใครก็ฉุดฉันไม่อยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมพ่อแม่ต้องตั้งชื่อฉันว่า ‘นุ่มนิ่ม’ ที่มันสุดแสนจะขัดกับนิสัยแข็งกระด้างของฉันด้วย
แอ๊ด~~
ฉันต้องใช้ความประณีตในการแง้มเปิดประตูเหล็กสนิมเกรอะของดาดฟ้าโรงเรียน ด้วยความระมัดระวัง ประตูมันยิ่งเก่าๆอยู่ด้วยขืนฉันเผลอทำลูกบิดหลุดติดมือมาด้วยล่ะแย่เลย…
เด็กดีทุกคนควรจะช่วยรักษาทรัพย์สินในโรงเรียนนะคะ…วู้ย!แล้วฉันมัวแต่พล่าม อะไรของฉันอยู่ล่ะเนี่ย?! -O- รีบๆเข้าไปดีกว่า
บรรยากาศรอบๆประกอบไปด้วย ความมืดมิดที่ถ้าไม่มีไฟฉายอยู่ในมือฉันก็คงไม่ต่างอะไรจากคนตาบอด ลมแรงๆที่พัดมาหนาวเย็นจับใจ เสียงจิ้งจกดังระงม และมีกลิ่นแปลกๆกระจายอยู่เต็มอากาศปะปนกันไปหมดจนโสตประสาทฉันแยกไม่ออกว่า มันเป็นกลิ่นอะไรบ้าง
รู้แต่ว่ามันช่างเป็นกลิ่นที่ไม่หอมหวานเอาซะเลย…-..-
เท้าของฉันก้าวเข้าผ่านกรอบประตูช้าๆมือซ้ายถือไฟฉาย มือขวาถือกล้องดิจิตอลขนาดพอดีมือที่พร้อมจะกดจับภาพสิ่งลี้ลับได้ทุกเมื่อ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าฉันกล้ามาที่นี่จริงๆ
แหมะ!
เอ๊ะ?...วันนี้ฟ้าก็ปลอดโปร่งสดใสมาตลอดทั้งวัน ไม่มีฝนตกซักหยด…แล้วฉันเหยียบน้ำอะไรแฉะๆเข้าล่ะเนี่ย??...อึ๋ย อย่าบอกนะว่าฉี่แมว -___-;;
เมื่อแสงไฟฉายของฉันส่องไปที่วัตถุแฉะเหลวปริศนาที่อยู่ใต้เท้า ฉันก็เริ่มรู้สึกขนลุกขึ้นมาตงิดๆทันที…ไอ้น้ำสีแดงๆสดๆนี่มันคงไม่ใช่ซอส มะเขือเทศหรือแยมสตอเบอร์รี่แน่นอน
มันเด่นชัดแจ่มแจ้งเลยล่ะ ว่ามันจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก…เลือดดด!!!
อ๊ากกกกก >[ ]< น่ากลัวๆๆ~ ไม่ได้การแล้ว!! แบบนี้มันต้อง…ต้องถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานค่าาา!!!(ยังจะห่วงถ่ายรูปอีกเร อะ)
แชะ!
ฮิๆๆ เห็นแบบนี้ยัยพี่เมย์ต้องตะลึงแน่ๆ~ ^O^ ยัยหัวฟูนั่นจะต้องยอมสิโรราบต่อฉันผู้นี้!~ อะโฮะๆๆ
แชะๆๆ!!!
ฉันกดถ่ายอีกหลายรูปเมื่อเห็นว่ารอยเลือดนั่นมันไม่ได้มีแค่ตรงที่ฉันเหยียบ มันยังมีหยดเล็กหยดน้อยไปเป็นทางแถมยังมีรอยเท้าเป็นรูปเลือดอีก…! >~<
ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะค่อยๆเดินตามรอยเท้าเลือดไปช้าๆ แต่ละก้าวบรรจงเดินให้เบาที่สุด…ในใจก็ทั้งกลัวทั้งเต้นระทึก อยากรู้ว่าเจ้าของรอยเท้าและหยดเลือดนี้จะเป็นใคร…
บางคนคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงดูไม่ค่อยกลัวเลย…ฉันกลัวย่ะ! แต่ลิมิตความกลัวของฉันแค่น้อยกว่าคนทั่วไปเค้าเท่านั้นเอง
เพราะฉันมีปมตั้งแต่เด็กว่าเรื่องงมงายอย่างสิ่งลี้ลับ โดยเฉพาะ ‘ผี’มันไม่มีอยู่บนโลกหรอก!!
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มุมอับของดาดฟ้าซึ่งเป็นซอกระหว่างแท็งก์น้ำกับกำแพงของ ห้องเก็บของเก่า เสียงลมหายใจหอบแห้งเหมือนจะขาดใจตายก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆจนฉันแน่ใจว่าตัว เองไม่ได้คิดไปเอง
แฮ่ก… แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…
เสียงของสิ่งมีชีวิตอย่างแน่นอน! ฉันกล้าเอาหัวหมาที่บ้านกับหัวยัยไอวี่เป็นประกันเลยเอ้า! -.-
เมื่อแสงไฟฉายส่องไปที่ซอกนั่นซึ่งเป็นที่สิ้นสุดของรอยเลือดที่นำทางฉันมา เสียงลมหายใจที่ฉันเคยได้ยินก็หายไปในทันที คงเหลือไว้แต่คราบเลือดวงใหญ่…ฉันขอสันนิษฐานเลยแล้วกัน ว่ามันน่าจะเป็นรอยเมนส์แมว -_-^
หมับ!
แกร๊ก!
OXO!!! ไวกว่ากระพริบตา จู่ๆปากฉันก็ถูกอุดด้วยมือใหญ่ๆของใครบางคนที่ชุ่มไปด้วยคาวเลือด ที่หัวของฉันรู้สึกได้ถึงวัตถุแข็งๆเย็นๆที่ทำจากเหล็กจ่อเล็งไว้ที่ขมับ
“ถ้าส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว…”คนที่โอบอยู่ด้านหลังฉันพูดเสียงเยือกเย็น “…หัวเธอกระจุยแน่!!!”
อึก!
ฉันกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาด
เฮือก...! T^T นี่อย่าบอกนะว่าฉันเจอฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าแมวเข้าแล้ว!!(ยังไม่จบเรื่องแมว) น้ำเสียงมันอำมหิตมากเลยอ่ะ!!
หลังจากขู่ฉันให้กลัวเสร็จร่างใหญ่ก็ถอยออกห่างจากตัวฉัน ปล่อยมือที่อุดปากออก แต่ปากกระบอกปืนยังไม่ห่างออกจากหัวฉันแม้ซักเสี้ยววินาที TT^TT ฉันไม่น่าวางยาสลบลุงยาม ผู้เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวในยามคับขันเลยจริงๆ~
แสงจันทร์ยามค่ำคืนที่เคยถูกเมฆบดบัง บัดนี้ได้ส่องสะท้อนลงมา ทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าของผู้ร้ายที่ถือปืนจ่อหัวฉันอย่างชัดเจน
เค้าเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน ร่างสูงสง่าปราดเปรียวมีผิวที่ดูขาวเนียน แต่กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉานทั้งตัว มีรอยสักสีดำซึ่งเป็นภาษาอะไรซักอย่างอยู่ที่ต้นคอ
มีใบหน้าที่โคตรจะหล่อเหลาเกินมนุษมนาแต่แววตาแสนจะเลือดเย็นเหมือน ปีศาจ ชวนให้หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อถูกจ้องมอง เปลวผมสีดำประกายน้ำเงินถูกลมพัดประปรายใบหน้าที่แสนจะดูทรงอำนาจ
เอื๊อก~ ฉันกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะความหล่อของคนตรงหน้าฉันมันเกินจะทานทน =.,=//ได้เห็นอะไรที่เป็นอาหารตาชั้นดีก่อนตายแบบนี้ ช่างดีเสียจริง…
“มองอะไร…!”
กึ่ก!
ปืนที่อยู่ในมือเค้ากระแทกปากกระบอกใส่หัวฉัน
อ้ากกก~~นี่ฉันเมาความหล่อจนลืมไปเลยนะเนี่ย! ว่าไอ้หล่อนี่กำลังจะฆ่าช้านนน…~~T[ ]T
ฉันยังคงมองเค้าตาปริบๆไม่พูดอะไร…ไม่ใช่ว่าไม่มีปาก แต่มันบอกเองนี่นา ว่าถ้าฉันส่งเสียงออกมาแม้แต่แอะเดียวสมองฉันจะกระจุย กระเด็น ขจรไปไกล~~ -O-(ยังมีอารมณ์มาเล่นต่อคำ)
“ถามก็ตอบสิ…เป็นใบ้รึไง!!”
T_T แง้~ ทำไมต้องตะคอกด้วยแว้~ แค่พูดปกติฉันก็กลัวจะแย่แล้วน๊า~!!
“ก…ก็คุณสั่งไม่ให้ฉันพูดนี่ค๊าา~~ TOT” ฉันตอบอย่างระมัดระวัง พร้อมพูดคะขาอย่างสุภาพแล้วเรียก ‘มัน’ ว่า‘คุณ’ “ล...แล้วฉันมองไม่ได้เหรอคะ?? ง…งั้นฉันปิดตาก็ได้! >_<”
“ไม่ต้องหรอก…”เค้าพูดเสียงทีเล่นทีจริง แล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มหวานละไม…ที่พลันเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นในประโยคต่อมา “…ฉันไม่ชอบเห็นคนตายตาหลับ…!!”
“ฮึก!T^T” ฉันสะอึกพูดอะไรม่ายออกกก…
“บอกมา…ว่าแกมาทำอะไรที่นี่!!!”
สายตาอำมหิตจ้องฉันยังกับจะฉีกเนื้อ TT[]TTแถมยังตะโกนด้วยน้ำเสียงโหดๆไร้ความปราณีอีก ถามซักคำ…ว่าฉันไปฆ่าแม่นายตายรึไง? T_____T
“ฉ…ฉันแค่มาล่าท้าผี~~TT[ ]TT”
“แล้วตะกี้ มองหน้าฉันด้วยสายตาแปลกๆทำไม!!!”
“ก…ก็เพราะนายหล่อดี ฮือๆๆๆ!! TT[ ]TT”
“…หน้าตากวนประสาทจริงๆ ฉันฆ่าเธอทิ้งดีไหมเนี่ย?!”
(< )( >)(< )( >)(< )( >)
ฉันส่ายหัวสามทีด้วยความเร็วเหนือแสง
“…อึก แค่กๆๆ!!!” จู่ๆร่างสูงก็ทรุดตัวลงแล้วไออย่างรุนแรงขย้อนเลือดออกมามากมาย
อาการแบบนี้แถวบ้านฉันเรียกว่า ‘กระอั่กเลือด’ซึ่งมันเป็นอาการของคนที่กำลังจะตายแหล่มิตายแหล่…แล้วฉันจะ สันธยายภาษาไทยวันละคำเพื่ออะไรเนี่ย - -^
“ป…เป็นอะไรรึเปล่า?” ฉันถามด้วยความมีน้ำใจแบบนางเอ๊กนางเอก แต่กลับถูกตวาดกลับมาเหมือนฉันไปฆ่าหมาบ้านมันตาย
“อย่า…มาสะเออะ…จะไปไหนก็ไป!!!” แปลว่าฉันเป็นอิสระแล้วสินะ - -*
ฉันพยักหน้าหนึ่งที แล้วเดินถอยหลังจากปากกระบอกปืนที่จ่อกบาลฉันอยู่ทีละก้าวช้าๆ
เมื่อเว้นระยะห่างมาได้ซัก 3 เมตรก็หันหลังเตรียมตัวจะโกยให้เร็วที่สุด แต่ความคิดและฝีเท้าของฉันก็ชะงักหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงร่างสูงล้มลงจาก ด้านหลัง
ฉันค่อยๆเหลียวหันไปมองคนข้างหลัง…นอนจมกองเลือดอย่างสงบไปแล้วแฮะ
ฉันค่อยๆกระดึ๊บเข้าไปดูใกล้ๆไอ้หล่ออำมหิตด้วยความหวาดระแวงเพราะกลัวว่ามันจะตื่นมาฆ่าฉัน
จิ้ม จิ้ม จิ้ม
ฉันใช้นิ้วเขี่ยๆจิ้มๆดูว่าเค้าตายหรือแกล้งตายกันแน่ …และผลปรากฏว่า นิ่งเป็นปลาตายไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ
ไม่ขยับเลยค่ะทุกท่าน…ฉันควรจะทำยังไงกับไอ้คนที่(คิด)จะฆ่าฉันดีนะ ปล่อยมันอยู่อย่างนี้ โทรแจ้งตำรวจ หรือส่งมันไปโรงพยาบาลดี…?
เห็นหน้าหล่อๆแบบนี้สาวน้อยใจดีอย่างฉันก็อยากจะช่วยอยู่หรอก -__- แต่ติดตรงที่ฉันยังแค้นอยู่นิดๆ…(ที่จริงก็ไม่นิดละ) มันบังอาจเอาปืนมาจ่อหัวและตะคอกใส่เลดี้อย่างฉันเชียวนะ แต่จะปล่อยให้คนตายต่อหน้าต่อตาฉัน ก็คงจะดูใจจืดใจดำเกินไป
ฉันเหลือบมองไปยังวัตถุอันตรายที่เคยจ่อประชิดติดหัวกบาลฉัน แล้วหยิบมันขึ้นมาดู…แปลกจังน้ำหนักมันเบากว่าที่คิดไว้เยอะเลยอ่ะ
แกร๊ก…ๆ…ๆ…ๆ
ยิ่งจับก็ยิ่งรู้…ยิ่งดูก็ยิ่งเข้าใจ นี่มันปืนปลอมนี่หว่า!!! -[ ]-***
อะไรกัน?! ที่ฉันต้องมานั่งกลืนน้ำลายลงคอ ขนหนาวตั้งชัน หวาดผวาเพราะความกลัวกับอีแค่ปืนปลอมเนี่ยนะ!?!
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นกว่าเดิมจนอยากจะเอาปืนปลอมเคาะหัวไอ้คนที่นอนชุ่มเลือดนี่ให้ตายเพิ่มอีก 2 รอบ
เอาวะ! -^- ในเมื่อหมอนี่ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าฉันตั้งแต่แรก ฉันก็ไม่ควรใจร้ายปล่อยให้เค้าต้องตายง่ายๆหรอกใช่ไหม? ฉันก็แค่ช่วยไอ้ปืนปลอมนี่หน่อยจะเป็นไรไป…เผื่อว่ามันจะเกิดความซาบซึ้งตอบ แทนพระคุณฉันบ้าง หรือแค่ตื่นมาขอโทษที่มันทำกับฉันก่อนก็ยังดี…
ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะ…ว่าตัวเองคิดถูกรึเปล่า ที่ตัดสินใจจะช่วยไอ้ปืนปลอม…= = เพราะตอนนี้ฉันเองก็อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถออกไปนอกโรงเรียนหรือทำอะไร โจ่งแจ้งได้เลย…
ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าฉันอยู่ในโรงเรียนกินนอนซึ่งมีหอพักอยู่ในตัวน่ะสิ และแน่นอนว่ามีกฎเหล็ก 3 ข้อที่ถ้าเผลอไปแหกมันเข้าต้องโดนทำโทษอย่างหนักคือ
1.ห้ามออกนอกรั้วโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาติ
2.ห้ามออกนอกหอในยามวิกาล
3.ห้ามนำผู้ชายเข้าหอหญิงหรือนำผู้หญิงเข้าหอชาย!!
ตอนนี้ฉันกำลังทำผิดกฎข้อ 2 อยู่ แล้วถ้าฉันนำหมอนี่ไปหาอาจารย์เค้าก็จะรู้ว่าฉันทำผิดกฎข้อ 2 -o-^ ถ้าพาเค้ากลับห้องก็เท่ากับผิดกฎข้อ 3 และยิ่งไปกว่านั้นถ้าพาไปโรงพยาบาลก็ต้องผิดกฎข้อ 1 ซึ่งเป็นข้อห้ามสูงสุดอีก!!!~~
ฉันไม่อยากถูกทำโทษ!ไม่อยากถูกหักคะแนน!ไม่อยากโดนไล่ออก!แล้วก็ไม่อยาก ปล่อยให้คนๆนึงต้องตายด้วย!>O< การเป็นคนดีจิตใจงามประดุจนางฟ้า มันทำให้ฉันต้องมานั่งเครียดขนาดนี้เลยเหรอ
เอาเป็นว่าฉันแบกหมอนี่ลงจากดาดฟ้าก่อนล่ะ ระหว่างทางค่อยๆคิดไปแล้วกัน ว่าฉันจะทำยังไงดี
ฮึบ!!! T^T
คนหรือรถถังวะ!? หนักเป็นบ้าเลย~ ตัวก็ไม่ได้มโหฬารอะไรแท้ๆ
ครืด~ ครืด~ ครืด~
แต่ละก้าวช่างหนักหน่วงและทรมาน ฉันกัดฟันแน่นออกแรงสุดกำลังกว่าจะ(ลาก)พยุงร่างใหญ่ลงดาดฟ้ามาได้ไหล่ฉันก็ปวดระบมจนแทบหลุด
“แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก =0=;;”
นี่เพิ่งครึ่งทางเท่านั้น ฉันยังลงนรกไม่สุดขุม…เพื่อจะพาหมอนี่ไปโรงพยาบาล…
ฉันต้องเดินไปอีก 5 กิโลฯกว่าจะถึงรั้วที่ใกล้ที่สุด และต้องออกแรงหาทางให้มันและฉันรอดกำแพงสูง 4 เมตรครึ่งของโรงเรียนออกไปให้ได้…!
ต้องใช้เวลาโบกรถอีกประมาณสองทศวรรษ เพราะถนนแถวโรงเรียนฉันเปลี่ยวมาก…!! และนี่ยังไม่นับเวลาที่ต้องใช้ไปโรงพยาบาลอีก…!!!
โฮกกก!!! คิดคำนวณดูแล้วกว่าจะถึงที่หมายหมอนี่ได้เด๊ดสะมอเร่ก่อนแน่ๆ…ฉันอาจจะต้อง โบกรถพาหมอนี่ไปเผาที่วัดแทนไปหาหมอที่โรงพยาบาล =[ ]=^
จะแล่ม… จะแล่ม…แจมแจ้มมม~~
จู่ๆเสียงมือถือของฉันก็ดังขึ้น ทำเอาฉันสะดุ้งโหยงจนเกือบปล่อยคนเจ็บตกพื้น ใครมันโทรมาตอนนี้ฟะ! เอ๊ะ…แต่เดี๋ยวนะ ฉันมีมือถืออยู่กับตัวนี่นา ทำไมฉันถึงโง่ไม่ใช้มันขอความช่วยเหลือจากยัย 2 เพื่อนรักตั้งแต่แรกนะ!!!
ฉันกดรับโทรศัพท์โดยเร็วแบบไม่ใส่ใจว่าใครจะโทรมา
“ฮ…ฮัลโหล” ฉันพูดด้วยเสียงเหมือนคนใกล้ตาย
((ฮัลโหลยัยนิ่ม…พวกฉันเป็นห่วง เห็นตี 2 กว่าแล้วแกยังไม่กลับมา แกเป็นอะไรมากรึเปล่า?? เสียงดูไม่ค่อยดีเลยนะ)) เสียงลินินดังออกมาจกปลายสาย
“ก…แกช่วยฉันทีสิ”
((ตายแล้ว!!...นี่เกิดอะไรขึ้นกับแกเหรอ?!?)) ยังไม่มีใครตายย่ะ =+=อย่ามาแช่งทางอ้อมจะได้ไหม…
“อ…อะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้แกบอกยัยไอวี่ที…ให้มันทำยังไงก็ได้ให้อาจารย์วิ่งมาที่หน้าอาคารเก่า”
((ล…แล้วจะให้บอกอาจารย์ว่ายังไงดีล่ะ!?)) ยัยลินินสติแตกเหมือนจะกังวลจนเกินกว่าเหตุ จนฉันชักรำคาญ นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเมื่อเกิดปัญหาฉันมักจะไว้ใจยัยไอวี่มากกว่า ลินิน -_-***
“แกก็ไปบอกอะไรก็ได้! ถ้าคิดเองไม่เป็นก็บอกไปเลยว่า แม่แกกำลังจะตายที่หน้าอาคารเก่า!!! จบไหม? แค่นี้นะ…!!”
ปิ๊บ!
ฉันกดปิดมือถือตัดสาย ที่เหลือฉันก็แค่เอาร่างหมอนี่ไปวางไว้หน้าอาคารเก่าเพื่อให้พวกคุณครูเห็น แล้วรีบเอาไปส่งโรงพยาบาล หมอนี่ก็จะรอดส่วนฉันก็จะได้แอบกลับหอไปโดยที่ความยังไม่แตก…ไม่มีใครได้ใคร เสีย
พลั่ก!!
อุ้ย! นี่ฉันโยนร่างเค้าลงพื้นแรงไปรึเปล่าเนี่ย?? ขอโทษแล้วกันนะ -/\- ถ้านายเกิดตายขึ้นมาจริงๆก็ช่วยอโหสิกรรมให้ฉันด้วยแล้วกัน ฉันไปก่อนล่ะ ><
ฉันวางไฟฉายที่ส่องสว่างไว้ข้างๆร่างของเค้าเพื่อให้พวก อาจารย์ที่วิ่งมาได้เห็นแสงไฟจะได้เจอตัวเค้าได้ง่ายขึ้น ส่วนฉันก็วิ่งหลบไปในความมืดแล้วปีนบันไดหนีไฟด้านหลังหอหญิงขึ้นไปเพื่อ กลับห้องที่อยู่ชั้น 3
เช้าวันต่อมา…
ฉันยังไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นเลย…แถมยังได้ยินมาว่าพวกอาจารย์ที่วิ่งไปถึงหน้าหอกลับไม่เจออะไร
นอกจากไฟฉายของฉันที่เปื้อนรอยนิ้วมือเลือด…ทำให้ฉันเผลอคิดไปว่า บางทีคนที่ฉันเจอเมื่อคืนจะเป็นผีรึเปล่านะ? ก็เค้าเจ็บหนักมากมีเลือดเต็มตัวไปหมด สภาพแบบนั้นถ้าลุกขึ้นมาได้เองก็เป็นยอดมนุษย์แล้ว -___-
แต่เรื่องนั้นมันยังไม่สำคัญเท่าเรื่องที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้หรอก
“มีใครรู้บ้างเนี่ย…ว่ายัยพี่เมย์มันอยู่ไหน? ฉันอุตส่าห์จะเอารูปเมื่อวานไปให้ยัยนั่นดู >O< เดินหาจนปวดขาไปหมดแล้วไปมุดหัวอยู่ไหนวะ!!!” ฉันเริ่มโวยอย่างหัวเสีย จนคนที่เดินเฉื่อยรอบข้างหันมามอง มันสมควรอารมณ์เสียไหมล่ะ?
ฉันตื่นมาตี 5ทั้งที่เมื่อวานนอนตอนตี 3 ใช้เวลาเดินหายังพี่เมย์จนตอนนี้กริ่งคาบแรกจะดังแล้ว ฉันก็ยังไม่เห็นหัวฟูๆของยัยนั่นเลย -*-
“เงียบๆสิยัยนิ่ม…!! แกกลัวคนอื่นเค้าจะไม่รู้รึไง?~ > <” ลินินกระชากแขนเสื้อฉันเป็นการปราม
“เออ! ก็ดี…รู้กันไปทั้งโรงเรียนเลยยิ่งดี!!! ยัยพี่เมย์หัวฟู~ ยัยรุ่นพี่ซาดิสม์~ ถ้าไม่ออกมาฉันจะเอาไข่เน่ากับระเบิดตดไปปาห้องเธอออ!!!!~~ -[]-” ฉันเอามือป้องปากป่าวประกาศตะโกนหน้าตายสร้างจุดสนใจให้ตัวเอง
เอาสิถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมาอีกล่ะก็ ฉันจะลามไปถึงพ่อแม่วงศ์ตระกูลเลยนะจะบอกให้!!
“ฟังนะทุกคน!!~ ยัยพี่เมย์มันเป็นเล็บขบ ชอบใส่ฟองน้ำ ใช้ผ้าอนามัยยี่ห้อโซฟาไม่ติดปีกสีชมพู เป็นสิวหัวช้างที่ตูดซีกขวาสองเม็ด >0< แม่เป็นมะเร็งในปากมดลูก…พ่อเป็นสัง…/พอได้แล้วย่ะ!!ยัยปัญญานิ่ม!!! >/////<” โอ๊ะโอ…พวกพี่เมย์มายืนตระหง่านกันครบแก๊งค์ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ -o-
แก๊ง5 สาวรา(ชะนี)ชินีประจำโรงเรียนยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าฉัน ยัยพี่เมย์ที่เป็นหัวหน้าแก๊งหน้าแดงไปถึงหูเพราะอายที่โดนฉันเอาเรื่องจริง มาประจาน -..-
พวกเธอทั้ง 5 ส่งสายตาอาฆาตให้ฉัน…แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ฉันก็ยิ่งอยากจะยั่วโมโหเข้าไปใหญ่
“พ่อเป็นสังคัง…น้องชายเป็นกระเทย…ส่วนแฟน อุ๊บ! -X-” ฉันโดนอุดปากด้วยมือของยัยพี่เมย์
จากนั้นหล่อนก็ลากฉันไปหลังอาคารที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แล้วเริ่มเปิดฉากบ่นใส่ฉัน
“แกกล้าดียังไง! ถึงได้กุเรื่องไร้สาระขึ้นมาไม่ให้ความเคารพรุ่นพี่แบบนี้!!!” ดูเหมือนยัยพี่เมย์จะโกรธเข้าจริงๆซะแล้ว ถึงกับตะคอกหน้าดำหน้าแดงเลย…แต่ฉันเหรอจะกลัว :p
“มันเป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้…ในเมื่อนุ่มนิ่มเรียกแล้วพี่ไม่ยอมมานี่คะ~” ฉันลากเสียงยาวกวนประสาทขัดกับใบหน้าที่แอ๊บดูไร้เดียงสาอย่างน่าหมันไส้
“หนอยยย…แก!...แก!!” ยัยพี่เมย์ทำท่าเหมือนคิงคองกำลังจะคำรามแล้วชี้หน้าฉัน
ฉันไม่ไหวเกรงกับท่าทางโง่ๆนั่นแล้วเอากล้องออกมาจากกระเป๋า…เปิดรูปรอยเลือดเมื่อวานให้ดู
“ราชินีตรัสแล้วไม่คืนคำใช่ไหมคะ? ” ฉันเอียงหัวยิ้มให้แล้วพูดประชดกรายๆกับตำแหน่งควีน ของยัยพี่เมย์(ที่เธอสถาปนาตัวเองขึ้นมาโดยไม่มีใครเชื้อเชิญ) “นี่คือรูปที่ได้มา หลังจากขึ้นไปสำรวจดาดฟ้าอาถรรพ์หลังเที่ยงคืนตามที่เราพนันกันเอาไว้”
“ย..ยัยเด็กนี่มันทำจริงว่ะเมย์…” เสียงกระซิบของพี่ไซเพื่อนคนหนึ่งในแก๊งค์พี่เมย์ดังเข้าหูฉันพอดี
“ว่าไงล่ะ…ฉันชนะแล้ว ยอมทำตามที่ฉันสั่งซะดีๆ” ฉันพูดด้วยสีหน้าเรียบๆแต่ในใจกลับหัวเราะลั่นด้วยความสะใจ แต่ยัยพี่เมย์กลับทำสีหน้าปั้นยากก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“ฮะ…ฮะๆ โง่ชะมัดเลยอ่ะยัยนี่!”
“ที่พูดหมายความว่ายังไง!!” ฉันชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นพวกรุ่นพี่พากันหัวเราะเยาะเสียงดัง
“ฉันแค่พูดเล่นเองนะยะ ซื่อบื้อจริงๆเล้ย~ ราชินีอย่างพวกฉันน่ะเหรอ? จะยอมทำตามที่ยัยปัญญานิ่มอย่างเธอสั่ง!”
“…”
“ฮ่าๆๆๆๆ!!!!!”
พลั่ก!!!
“แอ่ก…”
“กรี๊ดดดด!!!”
ยัยพวกชะนีนั่นส่งเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจที่จู่ๆฉันก็ปากล้องในมืออัดหน้า ยัยเมย์เลือดกลบจมูก(ไม่เรียกมันว่าพี่แล้วโว้ย!!!)
“พวกแกทุกคนจำเอาไว้เลยนะ!! อีกไม่นานฉันจะทำให้พวกแกต้องเป็นฝ่ายถูกฉันหัวเราะเยาะ!!!”
“…”
ฉันวิ่งออกมาจากตรงนั้นด้วยอารมณ์ที่เดือดดาลสุดขีด กล้าพูดเลยว่าถ้ามีใครหรืออะไรมายุ่งวุ่นวายกับฉันตอนนี้ล่ะก็ ฉันคงได้ฆ่าคนจริงๆแน่ -_-++
ตุ๊บ!
“เดินมองทางบ้างสิวะ!!...อ…เอ่อ…เอ่อ…-[]-;;;” จู่ๆฉันก็รู้สึกเหมือนติดอ่างกะทันหัน
“เก็บไว้บอกตัวเองจะถูกกว่านะ…!” น้ำเสียงเนิบนาบที่แฝงไปด้วยแรงอาฆาตถูกเอื้อนเอ่ยขึ้นโดยชายผู้มีเปลวผมสี ดำประกายน้ำเงินที่บัดนี้มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำโกโก้ที่เหนียวเหนอะหนะ สาเหตุก็มาจากการที่ฉันเดินฟึดฟัดไปชนเค้าจนแก้วน้ำโกโก้ที่อยู่ในมือหกเลอะ เต็มตัว
นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองฉันอย่างอำมหิต…ทำให้ฉันตรัสรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าอีกไม่นานชีวิตฉันนั้นอาจจะดับสูญ
ฉันจดจำใบหน้าหล่อเหลานั่นได้ดี…หมอนี่มันไอ้โหดปืนปลอมนี่นา -[]-!! มันยังอยู่อีกเรอะ!? แถมสภาพก็ยังดูครบ 32 อยู่เลย ทำไมพระเจ้าต้องดลบรรดาให้ฉันมาเจอะมาเจอกับมันอีกครั้งด้วย!! T[]T
ขาของฉันเตรียมเผ่นโดยสัญชาตญาณ
หมับ!
มือหนาคว้าต้นแขนของฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะได้ติดเกียร์หมา
“จะชนแล้วหนี มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?!”
“อึก…” ฉันค่อยๆหันกลับไปช้าๆและพยายามก้มมองพื้นดินไว้เพราะกลัวจะต้องสบสายตามหาโหดชวนขนลุก
“กล้าดียังไงมาเดินชนฉัน - -++” คอเสื้อของฉันถูกกระชากทำให้หน้าฉันมันเข้าไปประชิดกับใบหน้าหล่อเหลาจนแทบ จะหายใจรดกัน
กลิ่นอายของบุหรี่ สุราและกลิ่นหอมบางอย่างจางๆจากตัวเค้าที่ถูกกลบด้วยกลิ่นของน้ำโกโก้ผ่าน เข้ามาในจมูกฉัน นอกจากฉันจะโดนสายตาคมกริบนั่นฆ่าตายแล้วฉันยังต้องมาเมาความหล่อตายอีกรอบ >///<
“แฮ่…ๆ…^.,^;;” ฉันพยายามฝืนยิ้มจางๆตามคำสอนของพ่อที่ว่า ‘จะร้ายจะดีก็ให้ยิ้มไว้ก่อน’แต่รอยยิ้มของฉันคงไม่สามารถปกปิดความหื่นที่ มีได้ เลยโดนสายตาน่ากลัวของชายที่กำคอเสื้อฉันไว้จ้องเขม็ง
“เธออีกแล้วเหรอเนี่ย?...- -**
ผลงานอื่นๆ ของ neko_mimi* ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ neko_mimi*
ความคิดเห็น